🧃 PET vs PP: พลาสติกแบบไหนดีกว่ากัน? เลือกอย่างไรให้เหมาะกับสินค้าและแบรนด์ของคุณ
📦 บรรจุภัณฑ์ที่ดี ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องใช้งานได้จริง ปลอดภัย รีไซเคิลได้ และส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย
🔍 พลาสติก PET และ PP คืออะไร?
ในโลกของบรรจุภัณฑ์ พลาสติกถือเป็นวัสดุยอดนิยมที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องต้นทุน ความสะดวก และการป้องกันสินค้า โดยเฉพาะพลาสติก 2 ชนิดที่เราจะมาพูดถึงวันนี้ ได้แก่
●
PET
(Polyethylene Terephthalate) – พลาสติกเนื้อใส แข็งแรง เบา เหมาะกับขวดน้ำดื่ม
ขวดเครื่องดื่ม และภาชนะโชว์สินค้า
●
PP
(Polypropylene) – พลาสติกที่ทนความร้อนได้ดี นิยมใช้ในกล่องอาหาร กล่องไมโครเวฟ
และเครื่องสำอาง
📌 ทั้งสองชนิดสามารถรีไซเคิลได้ แต่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่เหมาะกับงานต่างกัน
✅ จุดเด่นของ PET และ PP: เลือกอย่างไรให้ตรงจุด?

🎯 คำแนะนำการเลือกพลาสติกสำหรับเจ้าของแบรนด์
●
🧴 ขายน้ำหรือสินค้าต้องโชว์เนื้อใน? → ใช้ PET ที่ใส
ช่วยให้สินค้าดูน่าซื้อ
●
🍱 ขายอาหารที่ต้องอุ่นร้อน? → ใช้ PP ที่ทนความร้อนและไม่ปล่อยสารอันตราย
●
🌱 ใส่ใจสิ่งแวดล้อม? → PET รีไซเคิง่ายและเข้าสู่ระบบได้จริง
แต่ PP กำลังเป็นเทรนด์ในตลาด
Eco-Packaging เช่นเดียวกัน
●
💄 ขายเครื่องสำอางหรือสินค้าเนื้อเข้มข้น? →
เลือกพลาสติกที่เข้ากันได้กับสูตรผลิตภัณฑ์และช่วยรักษาคุณภาพ
📚 อ้างอิง:
● PlasticsEurope (2023), FDA (2021), Health
Canada (2020), Ellen MacArthur Foundation (2022)
💡 สรุป: พลาสติกแบบไหน “ใช่” สำหรับคุณ?
การเลือกบรรจุภัณฑ์ไม่ควรพิจารณาแค่ “ราคาถูก” แต่ต้องมองไกลถึง
●
ความพรีเมียมของแบรนด์
●
ความสะดวกของผู้บริโภค
●
ความปลอดภัยต่อสุขภาพ
●
และความยั่งยืนในระยะยาว
✨ เพราะบรรจุภัณฑ์ไม่ใช่แค่ห่อของ แต่คือสิ่งแรกที่สร้างความประทับใจให้ลูกค้า