เลือกบรรจุภัณฑ์อย่างไรให้ถนอมอาหารได้นาน
บรรจุภัณฑ์อาหาร มีบทบาทสำคัญทั้งต่อพ่อครัวแม่ครัว ในการที่จะเก็บรักษาวัตถุดิบให้ใช้ได้ยาวนาน ไปจนถึงลูกค้าและคนทั่วไปที่ต้องการซื้อกลับบ้านหรือเดลิเวอรี่ นั่นจึงทำให้ไม่เพียงต้องถนอมอาหารได้ แต่ต้องมีความสวยงาม สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป
บรรจุภัณฑ์อาหารมีอะไรบ้าง
1. บรรจุภัณฑ์พลาสติก
เป็นบรรจุภัณฑ์อาหารที่เห็นกันและใช้กันมากที่สุดแล้ว เช่น บรรจุภัณฑ์กระป๋องพลาสติก เพราะใช้งานง่าย สะดวก ดูแลและจัดการง่ายกว่าบรรจุภัณฑ์ชนิดอื่น ๆ สามารถใช้แล้วทิ้งได้เลย แถมยังราคาถูก และมีรูปแบบให้เลือกมากมาย จึงทำให้นิยมมาใช้ในการบรรจุอาหาร สำหรับซื้อกลับบ้าน และ เดลิเวอรี่ เหมาะกับอาหารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ข้าว เนื้อสัตว์ ผัก ฯลฯ ใส่แบบร้อน เย็น หรือนำไปแช่แข็ง ได้ทั้งหมด ซึ่งด้วยคุณสมบัติที่สามารถป้องกันการซึมผ่านของน้ำและอากาศได้ จึงยังสามารถใช้เพื่อเก็บรักษาและถนอมอาหารได้ยาวนานอีกด้วย แต่มีข้อเสียคือ ย่อยสลายตามธรรมชาติไม่ได้ ทำให้หากไม่นำไปรีไซเคิลอย่างถูกวิธี อาจทำให้เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม
2. บรรจุภัณฑ์กระดาษ
เมื่อภาวะโลกร้อนและมลพิษทางสิ่งแวดล้อมได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น จนคนทั่วไปเริ่มตระหนักถึงปัญหาที่มาจากการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารที่เป็นพลาสติก บรรจุภัณฑ์กระดาษจึงกลายเป็นทางเลือกของคนรุ่นใหม่ รวมถึงผู้ที่อยากอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่นำมาบรรจุอาหารโดยเฉพาะประเภทเดลิเวอรี่กันมากขึ้น เพราะว่าสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ เหมาะกับการใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง แต่ด้วยคุณสมบัติที่ยังกันน้ำและน้ำมันได้ไม่ดีนัก เมื่อใช้งาน อาจจะต้องมีการปูด้วยวัสดุอื่น ๆ เพื่อป้องกันการรั่วซึม ไม่ว่าจะเป็นกระดาษไขหรือพลาสติก ไว้ด้านใต้ของอาหาร บรรจุภัณฑ์ชนิดนี้จึงเหมาะกับการบรรจุอาหารแห้ง โดยเฉพาะข้าวกล่อง และอาหารแห้งที่มีขนาดเล็ก เช่น ไก่ทอด เบเกอรี่ แซนด์วิช เท่านั้น ทั้งนี้ มีข้อเสียคือต้นทุนสูง แต่หากใครสนใจปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและอยากอนุรักษ์ รวมถึงใช้เป็นจุดขายในการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก็แนะนำให้ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษได้เลย
3. บรรจุภัณฑ์โฟม
โฟม คล้าย ๆ กับพลาสติกคือ ใช้งานง่าย สะดวก ดูแลและจัดการง่ายกว่าบรรจุภัณฑ์ชนิดอื่น ๆ มีน้ำหนักเบา สามารถใช้แล้วทิ้งได้เลย และมีราคาถูก ร้านอาหารริมทางรือร้านอาหารตามสั่ง มักนิยมใช้โฟมในการบรรจุอาหาร สำหรับซื้อกลับบ้านและเดลิเวอรี่ เพราะเหมาะกับอาหารทุกประเภท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่สามารถย่อยสลายเองตามธรรมชาติ และเป็นตัวการหลักที่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ทำให้รัฐบาลประกาศยกเลิกการใช้โฟมสำหรับบรรจุอาหาร ภายในพ.ศ.2565 ดังนั้น หากใครใช้โฟมอยู่ก็อย่าลืมเลิกใช้ แล้วใช้บรรจุภัณฑ์อาหารอย่างอื่นแทนนะ
4. บรรจุภัณฑ์แก้ว
ด้วยสามารถกันน้ำ ป้องกันความชื้นและอากาศได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังสามารถแต่งสีให้มีความสวยงาม เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ได้ จึงทำให้บรรจุภัณฑ์แก้ว เป็นอีกหนึ่งบรรจุภัณฑ์อาหารที่เป็นที่นิยม โดยส่วนใหญ่แล้วใช้ในการบรรจุของเหลว เช่น น้ำดื่ม น้ำวิตามินและเกลือแร่ เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ฯลฯ โดยข้อดีคือ สามารถนำมารีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ได้ ข้อเสียคือ มีต้นทุนในการทำสูง ค่อนข้างบอบบาง แตกหักง่าย จึงต้องระมัดระวังในการเคลื่อนย้าย หรือขนส่งเป็นพิเศษ
5. บรรจุภัณฑ์โลหะ
เป็นอีกหนึ่งบรรจุภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมในการบรรจุอาหาร เพราะมีความแข็งแรงทนทาน สามารถขนส่งเคลื่อนย้ายได้ระยะไกล และสามารถเก็บรักษาคุณภาพอาหารได้นาน ใช้มากในผลิตภัณฑ์ที่ต้องผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน เหมาะกับทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนมากแล้วจะบรรจุในรูปแบบของ อาหารกระป๋อง เครื่องดื่มกระป๋อง
6. บรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติ
ในประเทศไทย รู้จักการใช้วัสดุจากธรรมชาติมาใช้ในการบรรจุอาหารมาตั้งแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็น ใบตอง ใบเตย กะลามะพร้าว กระบอกไม้ไผ่ ฯลฯ แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ค่อยตอบโจทย์คนสมัยใหม่ ทำให้การใช้งานวัสดุเหล่านี้น้อยลงทุกวัน อย่างไรก็ตาม ด้วยเทรนด์รักษ์โลกที่กำลังมาแรง ซึ่งทำให้เกิดการรณรงค์ลดการใช้พลาสติกมากขึ้น ทำให้ในปัจจุบันได้มีการนำวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ มาทำเป็นภาชนะสำหรับการทำเป็นจานหรือกล่อง ทดแทนการใช้ชามโฟมหรือกล่องพลาสติก ไม่ว่าจะเป็น กล่องข้าวจากชานอ้อย ถ้วยชามจากใยกล้วย จานกาบหมาก แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และความพยายามของคนรุ่นใหม่ที่จะลดการใช้พลาสติกและใช้วัสดุจากธรรมชาติให้มากขึ้น ซึ่งถึงแม้จะมีราคาแพง แต่ก็สามารถใช้เป็นจุดขายเพื่อเป็นร้านอาหารรักษ์โลก ซึ่งจะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ